เรียนภาษาไทยอย่างไรให็เก่ง
ปัจจุบันวิชาภาษาไทยไม่เป็นที่สนใจของนักเรียนเท่าที่ควร ดูได้จากผลการสอบ NT ระดับประเทศอยู่ในระดับต่ำ จึงจำเป็นต้องพัฒนากระบวนการเรียนวิชาภาษาไทยของนักเรียนให้มีนิสัยรักการเรียนและเรียนภาษาไทยได้ดีขึ้ ได้มีผู้โพสในเว็บบอร์ดของ board.dserver.org เช่นน้าไผ่ได้ให้คำแนะนำเกี่ยวกับวิธีเรียนภาษาไทยให้เก่งดังนี
๑. อ่านอย่างตั้งใจ
๒. อ่านไปสักย่อหน้ายาวหรือสองย่อหน้าสั้นแล้วรำลึกว่าที่อ่านไปแล้วพูดถึงเรื่องอะไร สันนิษฐานเองล่วงหน้าว่า ทีเหลือน่าจะกล่าวถึงอะไรเขียนทายไว้ก่อนเป็นคำ ๆ ก็ได้
๓. ลืมตา อ่านต่อไปจนจบ ค้นดูว่า ที่เราสันนิษฐานไว้ มีปรากฏ อยู่ในตอนต่อ ๆ ไปที่เหลือของเรื่องนั้นหรือไม่
๔. ถ้าไม่พบสิ่งที่สันนิษฐานไว้ให้ทบทวนใหม่อีกรอบว่าที่อ่านมาแล้วกล่าวถึงเรื่องอะไรบ้าง เขียนประเด็นสำคัญ ๆ ที่นึกได้มาตรวจสอบอีกครั้งว่ายังขาดตกในเรื่องอะไรบ้าง ทำเช่นนี้ไปจนได้ครบทุกประเด็น
๕. นำศัพท์ที่แปลกใหม่ สังเกตตัวสะกด การันต์ วิเคราะห์ดูว่าศัพท์ตัวนี้สามารถแยกออกเป็นคำสองสามคำที่มีความหมายหรือไม่ รวมกันแล้วน่าจะแปลว่าอะไร สันนิษฐานเองก่อนโดยนำประโยคหรือย่อหน้ามาพิจารณาประกอบว่า ถ้าแปลว่าอย่างนั้นแล้ว ความหมายมันจะขัดแย้งกับใจความในประโยคหรือย่อหน้าอื่นที่เกี่ยวข้องหรือไม่ ถ้าขัดแย้งลองปรับ คำแปลใหม่ จนรู้สึกว่าไม่ขัดแย้งแล้ว เปิดพจนานุกรมตรวจสอบดูว่าเราจะแปลใช้ได้ไหม ถ้าตรงกับที่เราแปลอยู่ด้วย ก็ให้ยิ้มได้เลย
๖. เขียนประโยคหรือข้อความใหม่ที่ประกอบด้วยศัพท์คำนั้น เทียบกับประโยคที่มีอยู่ว่าจัดวางคำศัพท์ไว้ได้ถูกต้องตามตำแหน่งที่ควรหรือไม่
๗. ถ้าเป็นฉันทลักษณ์ ก็สังเกตจำนวนคำ จำนวนวรรค คำสัมผัส ในบทประพันธ์บทเดิม แล้วลองแต่งของตัวเองดูบ้าง
ถ้ามีประโยคยาว ๆ ลองหัดแยกดู ว่าจะสามารถแยกออกเป็นสองสามประโยคหรือไม่ ถ้าแยกได้ ประโยคไหนน่าจะทำหน้าที่เป็นประโยคหลัก ประโยคไหนทำหน้าที่เป็นส่วนขยายของอีกประโยคหนึ่ง ลองหัดแต่งประโยคยาว ๆ แบบนั้นดูเองบ้าง
จากที่กล่าวข้างต้น ยังมีปัจจัยอื่นอีกที่จะช่วยให้นักเรียนเรียนภาษาไทยให้เก่งได้ โดยตนเองมีความขยันใฝ่เรียนรู้ อยู่แล้ว ผู้ปกครองก็ต้องคอยดูแล เอาใจใส่ สนับสนุน ให้กำลังใจในการฝึกฝนให้เด็กอ่านหนังสือ ทำการบ้านอยู่เสมอ จะเป็นการช่วยสร้างนิสัยการรักการอ่านให้แก่เด็ก ผลที่เกิดแก่เด็กก็คือสามารถคิดวิคราะห์ สังเคราะห์เรื่องที่อ่านได้ อันจะนำไปสู่การเรียนรู้วิชาอื่น ๆ อีกด้วย ด้านครูผู้สอนก็ใช้สื่อนวัตกรรมที่หลากหลาย น่าสนใจ ชวนติดตาม เป็นการยั่วยุให้เด็กเรียนสนุกไม่เบื่อที่จะเรียนนอกจากนี้ก็ยังมีเพื่อนที่คอยช่วยเหลือซึ่งกันและกันอันจะนำไปสู่ความสำเร็จในการเรียนภาษาไทย ให้เก่งได้
ที่มา http://board.dserver.org/p/plearn/00000094.html
ที่มา http://board.dserver.org/p/plearn/00000094.html